ในการเลือกใช้วิธีบริหารจัดการเงินทุนในการเล่นเกมคาสิโนนั้น วิธีการเล่นแบบ negative progression หรือการทบเงินเพิ่มทุกครั้งที่แพ้จนกว่าจะชนะและเรียกคืนทุนที่เสียไปพร้อมกับการทำกำไรเพิ่มไปที่ละขั้น เป็นวิธีที่เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะว่ามันประหยัดเวลาและสามารถระบุจำนวนเกมที่ต้องการชนะได้อย่างตายตัว แต่ทราบหรือไม่ว่าผู้เล่นสามารถใช้สูตรดังกล่าวโดยที่ไม่ต้องยึดติดการทบเงินให้อยู่ในรูปแบบของการคูณสองในทุกๆครั้งก็ได้ แถมยังดีกับตัวผู้เล่นมากกว่าเสียอีก โดยเฉพาะในการเล่นที่ผู้เล่นไม่ได้มีสายป่านยาวมากพอ
ตัวอย่างเช่นการใช้มาร์ติงเกลในการเล่นสล็อต168 หรือไพ่บา ถ้าหากว่าคุณแพ้ติดต่อกัน 5 เกมและเริ่มต้นที่ 1 หน่วย วิธีการลงเงินของคุณจะเป็น 1-2-4-8-16 และในทุกเกมที่ชนะคุณก็จะได้เงินเพิ่มขึ้นมาทีละ 1 หน่วย ถ้าหากว่าคุณต้องการผลตอบแทนอยู่ที่ 10 หน่วย นั่นแปลว่าคุณต้องเอาเงินทั้งหมดเข้าไปเสี่ยงต่อการแพ้ติดต่อกันหลายเกมมากถึง 10 ครั้ง และถึงแม้ว่าการแพ้ติดต่อกันมากหลายเกมจนถังแตก อย่างเช่น 7-10 เกม จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าต้องเสี่ยงกันถึง 10 ครั้งมันก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น แต่กลับกัน หากคุณจะใช้การทบเงินเพิ่มที่มากกว่า 1 เท่าตัวเช่นบวกเพิ่มไปทีละ 1 ในทุกๆเกมโดยเพิ่มจากส่วนที่คูณ 2 เข้าไป นั่นจะทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายได้ไวมากขึ้นและลดความเสี่ยงให้น้อยลงไปอีก สมมุติในกรณีเดิมว่าคุณลงเงินเริ่มต้นที่ 1 หน่วยและเพิ่มไปอีกหน่วยทุกครั้งที่มีการทบ ในทุกครั้งที่คุณกลับมาชนะคุณจะได้เงินขั้นต่ำที่ 2 หน่วย ซึ่งนั่นทำให้จำนวนความเสี่ยงในการที่คุณจะแพ้ติดกันเป็นชุดจะลดลงมาถึงเท่าตัวด้วยการใส่เงินเพิ่มเพียงแค่หน่วยเดียว
สรุปแล้วคือสูตรต่างๆที่คิดค้นกันขึ้นมาเพื่อใช้ในการวางเงินเดิมพัน เป็นแค่แนวทางเท่านั้น ไม่จำเป็นว่าต้องทำตามแบบตายตัว เราสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับเกมประเภท chance base ที่ไม่ว่าคุณจะวางเงินเดิมพันมากหรือน้อยแค่ไหน โอกาสชนะก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอยู่ดี ดังนั้นคุณควรจะนำวิธีการเดินเงินไปปรับใช้เพื่อให้คุณถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้และออกจากเกมให้เร็วที่สุดจะเป็นการปลอดภัยกว่า เพราะถึงโอกาสแพ้ในวิธีการเล่นที่คุณคิดมาดีแล้วจะมีต่ำเพียงแค่ 1/100 แต่ถ้าคุณอยู่ในเกมนานพอ มันก็สามารถจะเกิดขึ้นได้ การพยายามลดความเสี่ยงด้วยการเริ่มต้นที่เงินลงทุนน้อย และใช้martingale จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ